เชื่อว่าหลายคนย่อมอยากที่จะมีบ้านแสนอบอุ่นเป็นของตนเอง แต่การจะสร้างบ้านสักหนึ่งหลังนั้นควรเลือกแบบไหนดี ระหว่างซื้อบ้านจัดสรรหรือการลงมือปลูกบ้านด้วยตนเอง?
เพื่อให้ได้บ้านที่ตรงใจและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมากที่สุด ลองมาเปรียบเทียบข้อแตกต่างของการซื้อบ้านจัดสรรและการปลูกบ้านเองว่าจะมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง มาดูไปพร้อมกันเลย!
บ้านจัดสรร
บ้านจัดสรร เป็นโครงการบ้านที่ผู้ประกอบการได้จัดสรรแบ่งที่ดินสำหรับลงทุนปลูกสร้างบ้าน เพื่อขายให้กับผู้ที่สนใจซื้อบ้านบริเวณนั้น รวมถึงภายนอกโครงการยังมีการแบ่งพื้นที่ส่วนกลางให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ สระว่ายน้ำ พื้นที่ออกกำลังกาย ถนนภายในหมู่บ้าน รวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยภายในโครงการ เป็นต้น
ข้อดีของบ้านจัดสรร
บ้านจัดสรร จึงมีความสะดวกสบายและสามารถโอนกรรมสิทธิ์พร้อมเข้าอยู่อาศัยได้ทันที โดยมีข้อดีที่ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจเลือกซื้อบ้านจัดสรรได้ ดังนี้
- ควบคุมงบประมาณได้ โดยปกติแล้วบ้านจัดสรรจะมีราคาขายที่แน่นอน ซึ่งราคานั้นจะรวมเบ็ดเสร็จทั้งค่าที่ดิน ค่าก่อสร้างบ้านจัดสรร รวมถึงค่าจิปาถะอื่นๆ จึงทำให้ผู้ซื้อสามารถประมาณการค่าใช้จ่ายของตนเองได้ง่าย
- ผู้ซื้อไม่ต้องลงแรงเอง ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบบ้าน การติดต่อผู้รับเหมาหรือการซ่อมบำรุง ที่เจ้าของโครงการจะเป็นผู้จัดหาและอำนวยความสะดวกให้ทั้งหมด
- ทำเลดี มีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ ส่วนใหญ่แล้วโครงการบ้านจัดสรรต่างๆ จะตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม รวมถึงภายในโครงการยังมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการอยู่อาศัยอีกด้วย
- ยื่นขอสินเชื่อได้ง่าย โครงการบ้านจัดสรรแต่ละแห่งจะได้รับความร่วมมือกับฝ่ายสินเชื่อของธนาคาร เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาซื้อบ้าน รวมถึงมีการให้คำปรึกษาในเรื่องสินเชื่ออย่างครบวงจร
ข้อเสียของบ้านจัดสรร
- แบบบ้านสำเร็จรูป มีให้เลือกน้อย ในโครงการบ้านจัดสรรจะมีการออกแบบบ้านที่คล้ายกันและเป็นรูปแบบสำเร็จตายตัวซึ่งผู้ซื้อจะไม่สามารถดีไซน์บ้านเองได้
- เลือกวัสดุไม่ได้ โครงการบ้านจัดสรรจะมีการออกแบบและก่อสร้างตามแผน โดยจะติดตั้งวัสดุภายในบ้าน รวมถึงสีและการตกแต่งเอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งผู้ซื้อจะไม่สามารถเลือกวัสดุเองได้ เว้นแต่จะทำการจองไว้ก่อนมีการซึ่งบ้านแต่จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามไปด้วย
- ราคาสูง เนื่องจากบ้านจัดสรรมักจะตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีความสะดวกสบายรอบด้าน รวมถึงมีต้นทุนในหลายๆ ด้าน จึงทำให้บ้านจัดสรรมีราคาสูงกว่าบ้านประเภทอื่น
ปลูกบ้านด้วยตัวเอง
การปลูกบ้านด้วยตัวเอง เป็นการสร้างบ้านบนผืนที่ดินที่มีในครอบครองของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่ซื้อไว้หรือที่ดินจากมรดกตกทอดของครอบครัว โดยผู้สร้างบ้านจะเป็นผู้ออกแบบบ้าน ตกแต่งภายใน เลือกวัสดุ การติดต่อจ้างผู้รับเหมาและควบคุมงานก่อสร้าง ตลอดจนควบคุมค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง
ข้อดีของการปลูกบ้านด้วยตัวเอง
- ออกแบบบ้านได้ตามใจชอบ โดยสามารถออกแบบ ต่อเติม จัดสรรพื้นที่ภายในบ้านของตนเองได้อย่างอิสระ รวมถึงสามารถคัดเลือกวัสดุที่ใช้และตกแต่งได้ตามสไตล์ที่ชอบ
- อยู่ในพื้นที่ของตนเองและมีความเป็นส่วนตัว เนื่องจากการปลูกบ้านด้วยตัวเองมักจะอยู่บนผืนที่ดินที่ตนเองเป็นเจ้าของหรืออยู่ในชุมชนที่มีความคุ้นเคย รวมถึงสามารถเลือกตำแหน่งของบ้านให้อยู่ห่างจากบ้านใกล้เคียงหรือกั้นรั้วให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นได้
- สามารถต่อเติมได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบรักาาความปลอดภัย วัสดุอุปกรณ์ การกั้นพื้นที่ต่างๆ ผู้สร้างสามารถเลือกสรรได้ตามความต้องการหรือประหยัดได้ตามงบประมาณที่มี
ข้อเสียของการปลูกบ้านด้วยตัวเอง
- ต้องลงทุนลงแรงเองทั้งหมด หากผู้สร้างไม่มีความรู้ในการออกแบบบ้านมากพอ อาจทำให้การก่อสร้างเกิดความล่าช้า รวมถึงมีโอกาสถูกผู้รับเหมาทิ้งงานและเสี่ยงต่อการถูกโกงได้ง่าย จึงจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดในการสร้างบ้าน ไม่ว่าจะเป็น สเปกของวัสดุ ราคากลางในท้องตลาด รวมถึงตรวจสอบค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนและทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหลัง
- สภาพแวดล้อมโดยรอบสามารถควบคุมได้ยาก หากที่ดินอยู่ในชุมชนที่ห่างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกหรือมีการคมนาคมที่ไม่ดี อาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการนำเครื่องจักรหรือการขนส่งวัสดุก่อสร้างเข้ามาในพื้นที่ก่อสร้าง รวมถึงสภาพแวดล้อมและมลภาวะต่างๆ ที่ยากเกินจะควบคุม
- งบประมาณบานปลาย หากการปลูกบ้านด้วยตัวเองไม่เป็นไปอย่างที่หวังอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือรื้อถอนใหม่ รวมถึงหากไม่มีความชำนาญในเรื่องคุณสมบัติของวัสดุอาจจะต้องเสียเงินโดยใช่เหตุหรืออาจจะเป็นความต้องการของเจ้าของบ้านเองที่อยากจะตกแต่งจนกว่าจะพอใจ จนทำให้งบประมาณบานปลายมากเกินกว่าที่ต้้งไว้
จะเห็นได้ว่า การซื้อบ้านจัดสรรและการปลูกบ้านด้วยตัวเองนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้อยู่อาศัยมีความชื่นชอบและมีวัตถุประสงค์ในการอยู่อาศัยแบบไหน รวมถึงมีทรัพยากรและงบประมาณมากน้อยแค่ไหน หรือสามารถกู้สินเชื่อได้ในวงเงินมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและสถานะทางการเงินของผู้กู้ โดยสามารถเข้าไปประเมินวงเงินกู้สินเชื่อบ้านและเปรียบเทียบข้อเสนอสินเชื่อจากหลากหลายธนาคารได้ผ่าน Rabbit Care